มนุษย์ได้ใช้ดอกไม้เป็นสื่อในการแสดงความรักต่อกันมานานแล้ว
เราอาจจะคิดว่าดอกไม้เป็นสิ่งที่สามารถใช้สื่อความหมายเฉพาะความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น
แต่แท้จริงแล้ว ดอกไม้แต่ละชนิดสามารถสื่อความรักได้หลายรูปแบบ
ทั้งยังไม่จำกัดอายุและเพศอีกด้วย
แล้วทำไม?
วันวาเลนไทน์ต้องให้ดอกกุหลาบด้วยนะ...สงสัยไหม...
ด้วยความที่กุหลาบมีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้วละคะ
จึงทำให้ความสวยงามของดอกและกลิ่นอันชวนพิสมัยของ
ราชินีแห่งดอกไม้นี้เป็นที่เลื่องลือมาช้านาน
และล้วนกล่าวถึงความงามเป็นสื่อที่แสดงถึงความสุข ความมีไมตรีจิต ความ
น่ารักความสวยงาม การบูชา และการเกี้ยวพาราสี ดังนั้น
กุหลาบจึงเป็นเสมือนตัวแทนแห่งความรัก และความอมตะ
จนมีตำนานกล่าวขานกันต่าง ๆ นานา ตั้งแต่สมัยกรีก
ตำนานเล่าว่า "คลอรีส" เทพธิดาแห่งดอกไม้ ได้บันดาลให้ร่างของ
นางไม้กลายเป็นกุหลาบ และยกให้เป็นราชินีของดอกไม้
จากนั้นต่อมาก็มีการมอบดอกกุหลาบแก่ "อีรอส" ลูกชาย ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก
ส่วนในศาสนาคริสต์เชื่อกันว่า
ในสมัยที่พระเยซูถูกตรึงไม้กางเขนอยู่นั้น พระโลหิตได้ไหลหย
ดลงบนต้นหญ้ามอสส์และได้บังเกิดเป็นต้นกุหลาบที่มีดอกสีแดงสด
จึงมีการเรียกขานกุหลาบชนิดนี้ว่า "กุหลาบมอสส์"
นอกจากนี้ยังมีการสู้รบกันระหว่าง 2
ตระกูลใหญ่ คือราชวงศ์ยอร์ค ซึ่งใช้สัญลักษณ์เป็นดอกกุหลาบขาว
และราชวงศ์แลงแคสเตอร์ ใช้ดอก กุหลาบแดงเป็นสัญลักษณ์ และได้เรียกสงครามครั้งนี้ว่า
"สงครามกุหลาบ" ซึ่งเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 1948-2028 แล ะในสมัย
ต่อมาพวกกุหลาบแดงได้มาแต่งงานกับพวก กุหลาบขาว
ซึ่งในปัจจุบันกุหลาบได้ถือเป็นดอกไม้ประจำชาติของชาวอังกฤษ ไป
นี่แหละค่ะถ้าทุกคนมีความรักให้แก่กันแล้วโลกจะสงบสุขแน่นอนค่ะ : )
เรามาดูกันในประเทศไทยบ้างค่ะมีเรื่องราวเล่าขานถึงความงดงามของดอกกุหลาบไว้โดยปรากฏอยู่ในพระราชนิพนธ์ของพระมหาธีราชเจ้า
รั ชกาลที่ 6 ในเรื่อง "มัทนะพาธา" หรือ "ตำนานดอกกุหลาบ"
ซึ่งได้ปรากฏชัดว่าดอกกุหลาบได้กลาย เป็นดอกไม้ที่นิยมไปทั่วโลก
เรามาย้อนอดีต...กุหลาบ...ราชินีแห่งบุปผชาติ
ด้วยความโดดเด่นของรูปโฉมอันพิลาส
กอปรกับกลิ่นหอมที่มีเสน่ห์เย้ายวนชวนให้น่าหลงไหล กุหลาบจึงเป็นดอกไม้
ที่นิยมมาตั้งแต่อดีตกาล โดยสันนิษฐานว่า
กุหลาบถือกำเนิดมาตั้งแต่สมัย Taceous หรือเมื่อประมาณ 40 ล้านปีมาแล้ว
โดยดูได้จากซากฟอสซิลที่ขุดพบโดยนักวิทยาศาสตร์
แต่หลักฐานที่ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดแน่นอนจะอยู่ในราว 5,000 ปี ที่ผ่านมาค่ะ
ตั้งแต่สมัย สุเมเรียน
(Sumerians)โดยนักโบราณคดีชาวอังกฤษได้ขุดค้นพบน้ำที่มีกลิ่นกุหลาบในหลุม
ศพของกษัตริย์ในสมัยนั้น นอกจากนี้ยังค้นพบเครื่องประดับของชาวสุเมเรียน
ซึ่งมีรูปทรงเป็นดอกกุหลาบทำด้วยทองคำ
แต่ในบางแหล่งได้กล่าวไว้ว่า
กุหลาบมีกำเนิด ณ เทือกเขาคอเคซัส ประเทศเปอร์เซีย
หรืออิหร่านในปัจจุบันและมีชื่อเรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่า "คุล" Gol หรือ Gul
ซึ่งแปลว่า ดอกไม้ และคำว่า "คุลาพ" หมายถึง กุหลาบอย่างที่คนไทยเราเรียกกัน
สำหรับประเทศไทยไม่ทราบแน่ชัดว่า
มีกุหลาบมาตั้งแต่สมัยใด หากแต่มีการบันทึกของราชทูตฝรั่งเศส
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ว่าได้เห็นดอกกุหลาบอยู่ในกรุงศรีอยุธยา
และอีกหลายแห่งที่ปรากฎหลักฐานว่า มีกุหลาบเข้ามาเมือง- ไทยแล้วก็คือ
กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก
ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ที่ได้กล่าวถึงความงามของดอกกุหลาบไว้ด้วย
ทำไมต้องให้ดอกกุหลาบในวันนี้กัน
ประเพณีของหนุ่ม-สาวชาวอาทิตย์อุทัย หรือชาวญี่ปุ่นนั่นเองจะแตกต่าง กับ ชาติ อื่น
ๆ คือในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือ วันวาเลนไทน์ สาว ๆ จะเป็นคนให้ ช็อกโกเลต
(Chocolate) รูปหัวใจขนาดเล็ก-ใหญ่แล้วแต่ความชอบน้อย-มาก ตัวเองทำเองแก่หนุ่ม ๆ
ที่เธอชอบ เรียกว่าวันนั้นหนุ่ม ๆ ยิ้มกันแก้มปริกันเป็นแถวเลยจ๊ะ
หลังจากวันนั้นอีกหนึ่งเดือนคือวันที่ 14 มีนาคมหนุ่ม ๆ ก็จะมอบดอกกุหลาบ
เพื่อเป็นการขอบคุณสาวผู้ให้ สำหรับในเ
มืองไทยนั้นเท่าที่เห็นส่วนใหญ่ผู้ชายมักจะเป็นฝ่ายให้ดอกกุหลาบกับผู้หญิงมากกว่าค่ะ
: )
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น